Interview : เบื้องหลังดีล ยิม วรชิต จากวังฉลามสู่รังกระต่าย

Interview : เบื้องหลังดีล ยิม วรชิต จากวังฉลามสู่รังกระต่าย

การย้ายทีมของ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ จาก ชลบุรี เอฟซี สู่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กลายเป็นบิ๊กดีลสุดเซอร์ไพรส์ในช่วงตลาดซื้อขาย รีโว่ ไทยลีก 2021-22 เลกสอง เมื่อเกิดขึ้นแบบสายฟ้าแล่บ ในขณะที่นักเตะลัดฟ้าร่วมทัพ ทีมชาติไทย ลุยศึกซูซูกิ คัพ 2020 ที่ สิงคโปร์

ที่มาที่ไปของดีลนี้เป็นอย่างไร เบื้องหลังการพูดคุยระหว่าง ฉลามชล ที่กล้าตัดสินใจปล่อยแข้งลูกหม้อผู้เป็นสตาร์ประจำทีมให้กับ เดอะ แรบบิท เกิดจากเหตุผลใดบ้าง ศศิศ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทีม ชลบุรี เอฟซี จะมาตอบคำถามทุกมุมกับเบื้องหลังดีลนี้

มด สุรเดช : ทำไมดีล วรชิต ถึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเบื้องหลังดีลนี้เป็นอย่างไร

ศศิศ สิงห์โตทอง : ตอบตามจริงคือต้องยอมรับว่า ดีลนี้มีมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว และไม่ใช่แค่ บีจี ทีมเดียว แต่มีสองสโมสรที่ติดต่อเข้ามา แต่ก็เงียบไปเรื่อยๆ เนื่องจากตกลงราคาไม่ได้ แต่ต้นฤดูกาลผมคุยกับคุณวิทยา คุณปลื้ม ว่า เราเสริมต่างชาติมาเยอะ เราจะไม่ขายใคร เพราะเราต้องการเป้าหมายพาทีมประสบความสไเร็จ เราอยากชูถ้วยไม่รายการใดก็รายการหนึ่ง

แต่ตอนนี้เรามีหนี้อยู่ประมาณนี้ เขาก็บอกเดี๋ยวหามาให้ ซึ่งก็จบไป และอยู่มาได้เรื่อยๆ แต่พอมาโดนโควิด-19 รอบสอง สปอนเซอร์ก็ถอน บางเจ้าชะลอการจ่ายเงิน บอกตามตรงมันเป็นปัญหาเรื่องการเงิน เราติดหนี้นักฟุตบอล และสตาฟฟ์โค้ช พอสปอนเซอร์ไม่เข้าตอนโควิดรอบสองเลยมีปัญหาเรื่องการเงิน ก่อนหน้านี้ผมดำน้ำอยู่เกาะหลีเป๊ะ พอขึ้นจากน้ำสบายๆ สักพักผู้บริหาร บีจี โทรหาผม และเขาเป็นคนที่ตัดสินใจได้เลยว่า จะจ่ายเท่าไหร่ เงินเดือนเท่าไหร่ เขาโทรมาบอกว่า ผมชื่อนี้นะ คุยกันตรงๆพี่อยากคุยกับบอล เรื่อง วรชิต ตั้งขายเท่าไหร่ ผมก็บอกราคาไป เขาก็ตอบกลับมาว่า มันแพงไปลดลงมาหน่อย

ผมก็ตอบไปว่า ถ้าเกิดลดลงมาก็คงต้องให้เป็นปีหน้า คือให้นักเตะเล่นกับ ชลบุรี ในเลกสองก่อน เขาก็บอกอย่าเอาเลขนี้เลย ผมก็บวกราคาไปอีก เขาก็โอเคจบยอม แต่ที่ผมกล้าตัดสินใจแทนพ่อ แทนนายกวิทยาทุกอย่างเพราะว่า ตอนนั้นเรารู้อยู่แล้วปัญหาทางการเงินของสโมสรเป็นอย่างไร แล้วถ้าไปทำเชิงใส่ บีจี ไปดึงเวลาก็จะกลายเป็นว่า เขาหมั่นไส้เราไม่ซื้อแล้วก็จบอีก จะไปหาอีกสโมสรที่ติดต่อมา แต่ให้น้อยกว่า บีจี เราก็จะเสียมูลค่าเงินตรงนี้ไป เราเลยตัดสินใจตอบว่า ถ้าตัวเลขตามนี้ เราจะปล่อย ยิม ในเลกสอง ก็โอเคจบ จากนั้นผมโทรไปหาพ่อ ซึ่งเขาก็โอเค แต่บอกไปว่า หน้าที่พ่อคือให้เขาไปคุยกับนายก วิทยา และ โค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล ว่าเป็นอย่างไร ประมาณ 10 นาที พ่อโทรกลับมาว่า ทุกคนโอเคหมด เพราะเขาใจว่า มันต้องเป็นไปตามนี้

ผมโทรกลับไปบอก บีจี ว่า เรียบร้อยไม่มีปัญหา แต่เหลืออย่างเดียว เวลานั้นคือสี่โมงกว่า ยิม ซ้อมบอลอยู่ ผมก็เลยบอกไปว่า ตอนนี้ บีจี กับ ชลบุรี คุยจบไปแล้ว เหลือแค่ ยิม ซึ่งทาง บีจี ก็ถามผมตรงๆว่า ถ้าดีลนี้จะไม่จบความหมายมันคืออะไร ผมก็อธิบายว่า บีจี กับ ชลบุรี จบแล้ว แต่นักเตะไม่จบเพราะไม่อยากย้าย เราจะบังคับนักบอลก็ไม่ได้ ต้องให้เกียรติเขา พอตอน 19.00 น. ผมโทรหา ยิม เขาก็ช็อกไปครู่หนึ่ง เราก็สั่งให้คนของ ชลบุรี ขับรถไปหา ยิม ที่โรงแรมเพื่อคุยกับเขา และคุยกับผมด้วย ซึ่งสุดท้าย ยิม ก็แฮปปี้ เขาเข้าใจสโมสร ผมเองก็ขอบคุณเขา แต่สุดท้ายแล้วที่ผมพูดไปว่า ดีลนี้จะไม่เกิดหากนักบอลไม่แฮปปี้ แต่พอสามฝ่ายแฮปปี้หมดก็จบ ซึ่งเราก็ขอบคุณเขา เราไม่อยากให้ใครไปว่า ยิม ว่าไม่อยากอยู่ ชลบุรี เพราะเห็นแก่เงิน มันไม่ใช่แบบนั้น นี่มันคือวิถีอาชีพเขาที่จะไปได้เงินมากกว่าทั้งค่าเซ็นสัญญา และอื่นๆที่ยิ่งใหญ่กว่าข่าวที่ออกมา ซึ่งเขาก็แฮปปี้ เราก็แฮปปี้ รวมถึง บีจี ด้วย

พอเขาตอบว่า โอเคเดี๋ยวจะเซ็นสัญญา บีจี ก็ส่งคนของเขาไปหา ยิม ที่โรงแรม แต่เราคุยเป็นมารยาทว่า ข่าวจะไม่ออกในคืนนั้น แล้ววันรุ่งขึ้นช่วงบ่ายค่อยออกข่าวกัน


มด สุรเดช : จากการปล่อย วรชิต หลังจากนี้สโมสรมีแผนอย่างไรต่อไป

ศศิศ สิงห์โตทอง : ต้องบอกว่า ถ้ามี ยิม อยู่ เบอร์ 8 คนต่อไปของ ชลบุรี อาจจะไม่มี หรือดาวรุ่งคนอื่นที่ขึ้นมา อาจเป็นตำแหน่งอื่นๆก็มี แต่ถ้าในดีลนี้ผมอยากให้มองว่า เราควรภูมิใจมากกว่าที่เราประสบความสำเร็จในการสร้างเด็กมาได้ และปล่อยเขาออกไป และนำเงินจากเขามาสร้างเด็กอีกหลายคนที่ยังอยู่หรือซ่อมแซมทีมที่สึกหรอ และต่อยอดถึงอคาเดมี พวกเด็กอคาเดมีจะได้เห็นว่า ชลบุรี ไม่ได้ยึดติดกับใครนะว่า คนนี้เป็นลูกรักโค้ชเฮง ชลบุรี อยู่แบบครอบครัว คนนี้ต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิตการค้าแข้ง แต่เขาจะได้เห็นสิ่งที่เรียกว่า ระบบฟุตบอลอาชีพจริงๆหรือจะเรียกว่า ธุรกิจฟุตบอลก็ได้

เราอยากจะเปลี่ยนให้เห็นว่า สมัยนี้ไม่ได้เป็นแบบสมัยก่อนต้องยอมรับว่า สมัยก่อน ชลบุรี จะยึดติดอยู่กับครอบครัว เอื้ออาทร มีเยื่อใย ไม่ทิ้งกัน แต่ ณ เวลานี้โลกฟุตบอลเปลี่ยนไป ถ้ายึดกับสิ่งเดิมๆมันก็ไม่ได้  การขายเขาไป ผมคุยกับน้องผมร้องไห้เลย ผมเสียใจมากกว่าแฟนบอลที่รู้สึกผิดหวังที่เสียซูเปอร์สตาร์ไป ผมคุยกับ ยิม ผมร้องไห้ ซึ่งเขาพูดกับผมว่า เรายังเป็นพี่น้องกันอยู่ไหม ถ้าผมต้องออกจาก ชลบุรี ผมมีเรื่องอะไรจะปรึกษาพี่ได้ไหม มันเลยทำให้เรารู้สึกไม่อยากเสียเขาไป แต่จะทำอย่างไรได้ ก็เลยคุยกับน้องทุกอย่าง มันก็ต้องรอดูต่อไป ถ้าไม่มี ยิม เราก็อาจจะประสบความสำเร็จก็ได้หรือมี ยิม อยู่ เลกสองเราอาจไม่จบ 1 ใน 3 หรือไม่ได้แชมป์ก็ได้ แต่ผมเชื่อมั่นใจ โค้ชเฮง เชื่อในปรัชญาสโมสรว่า ต่อให้ไม่มีคุณอรรณพ สิงห์โตทอง ไม่มี ศศิศ สิงห์โตทอง แต่ปรัชญาสโมสรจะยังมีอยู่ต่อไปทำให้เรายังไปต่อได้


มด สุรเดช : ตลาดรอบนี้ ชลบุรี ยังมีความจำเป็นต้องขายนักเตะออกไปเพิ่มเติมหรือไม่ รวมถึงอนาคตของ กฤษดา กาแมน กับ ชลบุรี

ศศิศ สิงห์โตทอง : ไม่มีครับ ส่วน กฤษดา กาแมน ยืนยัน 100% ไม่ปล่อย มีทีมโทรหาผมให้ราคาเท่า ยิม แต่ผมบอกไปตรงๆว่า ผมไม่ขาย ยืนยันไม่มีแน่นอน ตอน แระ บินไปถึง สิงคโปร์ เขาก็แคปหน้าจอจากข่าวว่า ผมไปให้ข่าวกับสื่อ แต่ผมบอกเขาไปว่า ให้มีสมาธิกับทีมชาติแล้วถามเขาว่า อยากย้ายไหม เขาก็ไม่อยากย้าย ผมก็บอกว่า จบ ส่วนสิ่งที่เราเห็นในโลกโซเชียลก็แค่อยากปั้นให้เพจตัวเองดังเท่านั้นก็ช่างเขา แต่เอาเป็นว่า ไม่เคยบอกใครเลยว่าจะขายเรา เขาก็โอเคจบไป

ผมก็บอกให้เขามีสมาธิกับทีมชาติ แล้วเลกสองเรากลับมาทำงานร่วมกันใหม่

มด สุรเดช : ถึงตอนนี้การปล่อย วรชิต ให้ บีจี สถานการณ์การเงินของทีมคล่องตัวมากขึ้นหรือไม่

ศศิศ สิงห์โตมอง : มันไม่ใช่แค่แฟนบอลสบายใจ แต่นักฟุตบอลชลบุรีทุกคนสบายใจหมด(หัวเราะ) ขอยอมรับอย่างลูกผู้ชาย เราไม่สร้างภาพว่า ไม่ได้เป็นหนี้นักฟุตบอล เดือนนี้เราจ่ายนักบอล 30% เดือนนี้ 50% โค้ชเตี้ยทำงานมา 9 เดือนไม่ได้เงินเดือน โค้ชเฮงทำงานมา 7 เดือน ไม่ได้เงินเดือน มีติดนักบอลคนนี้อยู่ล้านหนึ่ง ต่างชาติยังไม่ได้ค่าเซ็น ซึ่งมันคือเรื่องจริงทั้งหมด แฟนบอลเขาก็ไม่รู้หรอก เพราะเป็นเรื่องภายใน

แต่สิ่งที่แฟนบอลน่าจะภาคภูมิใจหรือคนอื่นๆก็คือ เรารวมกันป็นหนึ่ง ไม่เคยมีข่าวเสียหายออกไป ไม่เคยมีนักบอลต้องไปร้องฟีฟ่าหรือร้องสื่อว่า เงินเดือนได้ 30% แต่ทุกคนรวมใจจนทำผลงานให้อยู่อันดับ 3 ในเลกแรก ต้องขอบคุณนักฟุตบอล และสตาฟฟ์โค้ชทุกคนที่เข้าใจสโมสร และรวมหัวใจ เสียสละร่วมกัน ทุ่มเทในสนามตอบแทนแฟนบอลให้เห็นว่า เรามีปัญหาเยอะ แต่เราสามารถรวมใจทำผลงานอยู่ในระดับนี้

มด สุรเดช : ฝากทิ้งท้ายถึงแฟนบอล ชลบุรี และเป้าหมายของสโมสรในปีนี้ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องขายผู้เล่นหลักออกไป

ศศิศ สิงห์โตทอง : ฝากถึงแฟนบอล ชลบุรี เอฟซี ว่า เป้าหมายของ ชลบุรี ยังชัดเจน ฟุตบอลถ้วย เราก็ยังเหลือ ลีก คัพ ที่เราหวังแชมป์ ส่วนไทยลีก เราต้องการติด 1 ใน 5 หลังจบเลกสอง เราเสีย ยิม วรชิต คนหนึ่ง แต่เราเชื่อมั่นใจทีมผู้บริหาร ทีมงานสตาฟฟ์โค้ช เชื่อมั่นในนักเตะทุกคน ผมเชื่อว่า เราไม่ได้สูญเสียเยอะมา สำคัญที่สุดอยากฝากถึงแฟนบอลว่า เรามีปรัญาของเราอยู่ ชลบุรี ต้องอยู่ให้ได้ ไม่ได้เป็นเพราะนักเตะหรือผู้บริหารคนใดคนหนึ่ง แต่ถ้าเรามีแนวทาง และปรัชญาที่ชัดเจน สโมสรจะอยู่อย่างยั่งยืน

บางสโมสรถ้าคนใดคนหนึ่งไม่ทำ สโมสรนั้นอยู่ไม่ได้แน่นอน ผมกล้าพูดได้เลย แต่ผมเชื่อมั่นว่า ชลบุรี หาก อรรณพ สิงห์โตทอง ไม่อยู่หรือ ศศิศ สิงห์โตทอง ตายไป มีคนอื่นมาทำทีมต่อด้วยปรัชญา และแนวทางการทำทีมอย่างไร ชลบุรี เอฟซี ก็จะอยู่ได้ไปตลอดกาล




เรื่องก่อนหน้านิชิโนะ ยิ้มแข้งช้างศึกฟิตเต็มถังพร้อมบู๊นครปฐม
เรื่องถัดไปOFFICIAL : เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ยืม บิลล์ โรซิมาร์ หนีตายเลกสอง