Interview กัปตันช้าง : กับฟุตซอลโลกสมัยที่ 3 ในชีวิต

Interview กัปตันช้าง : กับฟุตซอลโลกสมัยที่ 3 ในชีวิต

ทีมฟุตซอลทีมชาติไทยสามารถเข้าสู่รอบสุดท้าย การแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2021 จากการเอาชนะอิรัคในรอบเพลย์ออฟ ซึ่งถือเป็นการไปลุยเวิลด์ คัพเป็นสมัยที่ 6 ติดต่อกัน

แต่กว่าจะตีตั๋วใบสำคัญนี้ได้ ยังมีเบื้องหลังการทำงานอย่างหนักของทีมงานฟุตซอลไทยทุกคน ทั้งการเตรียมทีมภายใต้สถานการณ์ที่โควิดกำลังระบาดหนัก การขาดผู้เล่นคนสำคัญอย่าง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ที่ไม่สามารถเดินทางจากญี่ปุ่นเพื่อมาช่วยทีมได้

เราจะไปพูดคุยกับ "กัปตันช้าง" กฤษดา วงศ์แก้ว กัปตันทีมชาติไทยในชุดนี้ กับภารกิจที่เพิ่งผ่านพ้นไปและความคาดหวังในฟุตซอลโลกครั้งนี้


มด สุรเดช : ขอแสดงความยินดีกับการไปฟุตซอลโลกสมัยที่ 6 ติดต่อกันด้วยนะช้าง ช่วยเล่าถึงการเตรียมทีมครั้งนี้หน่อย เพราะถือว่ามีอุปสรรคเยอะเหลือเกิน เพราะเจอสถานการณ์โควิด ?

กัปตันช้าง : พี่ป๋อม (อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ) ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากครับ ที่ผ่านมาก็ทำตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งการตรวจโควิด และการฉีดวัคซีนให้ครบ 2 โดส การฝึกซ้อมก็ปิดไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาในสนาม การใช้ชีวิตก็ระมัดระวังตัวกันมากๆ เพราะหากใครติดเชื้อก็จะไม่สามารถไปแข่งได้ ทุกคนจึงค่อนข้างให้ความมือเป็นอย่างดี   

มด สุรเดช : แล้วมาตรการที่ยูเออี สนามกลางที่ใช้ในการแข่งขันเพลย์ออฟครั้งนี้ล่ะ เข้มงวดแค่ไหน ?

กัปตันช้าง : หลังจากลงเครื่องเจ้าหน้าที่ขอดูใบตรวจโควิดก่อนเป็นอันดับแรกเลย พอเข้าที่พัก วันต่อมาก็มีการตรวจโควิดทันที ซึ่งมาตรการที่นั้นคือมีการตรวจโควิดทุก 3-4 วัน ผมไปอยู่ที่นั้นรวมแล้วตรวจไปทั้งหมด 4 ครั้ง เล่นเอาปวดจมูกไปหมดเลย ซึ่งทำให้เห็นว่าบับเบิ้ลที่ยูเออีเข้มข้นมากๆ เพราะทั้งโรงแรมมีแค่นักกีฬาไม่มีคนภายนอกมาปะปน แยกนอนห้องละคน ตอนฝึกซ้อมก็จะมีรถมารับ ซ้อมเสร็จกลับโรงแรม 


มด สุรเดช : การเตรียมทีมในช่วงสถานการณ์โควิดระบาด มีความยากลำบากมากแค่ไหน ?

กัปตันช้าง : มันยากตอนช่วงที่ฝึกซ้อมที่ไทย ทุกอย่างดูน่ากังวลไปหมด อย่างซ้อมเสร็จ ทีมงานก็จะมีข้าวกล่องมาให้เราทานกัน เพื่อที่จะกลับบ้านพักผ่อนได้ทันที ไม่ต้องออกไปเสี่ยงตามร้านอาหารหรือตลาด พี่ป๋อมก็พยายามทำให้เราเซฟที่สุด ส่วนพอมาถึงที่ยูเออี สถานการณ์โควิดที่นั้นไม่น่าห่วงมากครับ รวมกับมาตรการต่างๆ ค่อนข้างดี บวกกับการที่พวกเราไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงกับที่มีผู้คนเยอะๆ อยู่แล้ว

มด สุรเดช : ทีมชุดนี้ไม่มีตัวหลักอย่าง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ส่งผลกระทบกับทีมหรือไม่ ?

กัปตันช้าง : ก่อนจะไปแข่งผมก็คิดนะครับว่าการไม่มีอาร์มจะทำให้ทีมดรอปลงไปมั้ย แต่พอเห็นทีมชุดนี้มีน้องๆ หลายคนที่ทดแทนได้ อย่าง มูฮัมหมัด (อุสมานมูซา) เขาช่วยทีมได้เยอะมาก ถึงจะยังไม่มีประสบการ์ณในระดับเอเชียมากนัก แต่เขาก็พิสูจน์แล้วว่ามีของจริงๆ แต่ถ้ามีอาร์มเข้ามาอีกคน จะช่วยให้เกมรุกเราดุดันขึ้นแน่นอน เพราะเขาเป็นคนที่มีทีเด็ด ช่วยทีมในยามคับขันได้ หากมีทั้งสองคนในทีม สลับกันลงมาสนาม ก็น่าจะทำให้ความหลากหลายในเกมรุกของเรามีมากขึ้น


มด สุรเดช : การเจอกับอิรัค มีการเตรียมความพร้อมก่อนเกมอย่างไรบ้าง ?

กัปตันช้าง : เริ่มตั้งแต่การซ้อมเลยครับ ปูปิสเองก็มีการสเกาท์วิธีการเล่นของคู่แข่งมาเป็นอย่างดี เราได้ดูเทปของพวกเขา 7 เกม ทำให้เห็นว่าแต่ละเกมมีแท็คติกที่แทบจะไม่ซ้ำกันเลย เราจึงเดาไม่ได้ว่าเขาจะมาเล่นแบบไหน แต่เราก็เตรียมตัวมาดี และปูลปิสเองก็เชื่อมั่นว่าทีมเราดีกว่าอิรัคแน่นอน แต่ขอแค่อย่างประมาทเท่านั้น ผมเองก็คุยกับทุกคนในทีมว่านี่ถือเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ในการลุ้นตั๋วฟุตซอลโลก เพราะเราไม่ต้องไปเล่นแบบทัวร์นาเม้นต์แบ่งสาย ที่มีโอกาสเจอทีมแข็งๆ ครั้งนี้มันเป็นเกมแค่สองนัดเท่านั้นก็ได้ไปฟุตซอลโลกเลย เกมแรกทุกคนเลยรวมใจกันสู้ เอาให้เต็มที่ ยิงประตูให้ได้เยอะที่สุด เนื่องจากเกมแรกเราเล่นเป็นทีมเยือน ดังนั้นอเวย์โกลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

มด สุรเดช : ผลการแข่งขันเกมแรกที่ชนะ 7-2 ถือว่าน่าพอใจมากน้อยแค่ไหน ?

กัปตันช้าง : สำหรับผมน่าพอใจครับ เนื่องจากการเก็บตัวมันค่อนข้างสั้น มีเวลาเพียงแค่สิบกว่าวันเท่านั้น ซึ่งผลการแข่งขันที่ยิงได้ถึง 7 ประตูก็ถือว่าเกินความคาดหมายครับ จริงๆ เราก็ต้องการสกอร์ตุนไว้ให้มากที่สุด เพื่อให้เกมที่สองเล่นได้ง่าย แต่พอยิงได้เยอะทุกคนก็แฮปปี้ และคลายความกดดันไปได้เยอะ 

มด สุรเดช : สำหรับเกมที่สองล่ะ ?

กัปตันช้าง : ส่วนเกมที่สองสำหรับผมยังมีความกังวลอยู่บ้าง แต่เราคิดไว้อยู่แล้วว่าอิรัคต้องมาเล่นเพาเวอร์เพลย์เพื่อเอาประตูคืน ปูลปิสจึงเน้นย้ำให้และซ้อมรับมือมาโดยตลอด เกมที่สองอาจจะอึดอัดเพราะเราเน้นเกมรับเป็นหลักจนแทบไม่ได้บุกเลย แต่พอได้ประตูแรกกับประตูที่สอง ทุกคนก็มั่นใจแล้วว่าเกมนี้เป็นของพวกเรา ดังนั้นในมุมผมทั้งสองเกมเราทุกคนทำผลงานได้น่าพอใจมากๆ ครับ  


มด สุรเดช : นี่ถือเป็นการไปเล่นฟุตซอลโลกสมัยที่ 6 ติดต่อกันของทีมชาติไทย และเป็นครั้งที่ 3 ของคุณ สำหรับตัวคุณแล้วการได้ลงเล่นในรายการนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?

กัปตันช้าง : ฟุตซอลชิงแชมป์โลกครั้งแรกของผมจัดขึ้นที่ประเทศไทยในปี 2012 ตื่นเต้นมากเพราะแฟนบอลเข้ามาชมเกมจนเต็มสนาม  จากแมตช์แรกที่ชนะคอสตาริกาได้ทำให้เราเข้ารอบแม้จะแพ้ให้กับยูเครนและปารากวัยก็ตาม แต่รอบ 16 ทีมการเจอกับทีมระดับโลกอย่างสเปน แม้เราจะแพ้แบบขาดลอย แต่เราก็สู้ได้ดี ไม่เสียดายครับ เพราะทุกคนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ล้ำค่าในเกมนั้นมาได้ ส่วนฟุตซอลโลก 2016 ที่โคลอมเบีย เราก็ผ่านเข้าสู่รอบสองได้อีกครั้ง แล้วมาเจอกับอาเซอร์ไบจานที่โอนสัญชาตินักเตะบราซิลมายกชุด พวกเราทำได้ดีมาก มีโอกาสขึ้นนำด้วย แต่มาแพ้รายละเอียดนิดเดียว ก็รู้สึกเสียดายที่อีกนิดเดียวก็จะเข้าสู่รอบ 8 ทีมได้เป็นครั้งแรกแล้ว 

มด สุรเดช : ฟุตซอลโลกครั้งนี้ ไทย จะต้องเจอกับ โปรตุเกส โมร็อคโค และหมู่เกาะโซโลมอน คุณมองทีมร่วมสายอย่างไรบ้าง ?

กัปตันช้าง : ผมคิดว่าสายของเราไม่แข็งมาก แต่ก็ไม่เบามากเช่นกัน สำหรับโปรตุเกส เราก็เคยเสมอในเกมอุ่นเครื่องที่บ้านเขา การที่เขามีริคาร์ดินโญที่เป็นนักเตะระดับโลก และผู้เล่นที่ค้าแข้งอยู่ในสโมสรยุโรปหลายคน ทำให้นี่คือทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในสาย ส่วนหมู่เกาะโซโลมอนเราก็จะประมาทไม่ได้ เพราะเป็นทีมที่เล่น 1 ต่อ 1 ได้ดี ทางด้านโมร็อคโคผมยังไม่เคยเจอกับพวกเขา แต่ได้ชมเกมการแข่งขันทวีปซึ่งก็สามารถเป็นแชมป์ได้ ดังนั้นแต่ละทีมมีดีกันหมด


มด สุรเดช : เป้าหมายในฟุตซอลโลกครั้งนี้สำหรับคุณคืออะไร ?

กัปตันช้าง : ผมตั้งเป้าอยากจะเข้าสู่รอบ 8 ทีมให้ได้ ซึ่งผมคิดว่ามันมีโอกาส เพราะด้วยศักยภาพของทีมเราตอนนี้มีทั้งนักเตะที่มีประสบการณ์กับรุ่นน้องๆ ที่มีความสดของร่างกาย พอมาผสมผสานกัน รวมถึงการที่อาร์มไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในลีกญี่ปุ่น ก็จะเข้ามาเติมเต็มทีมด้วย ดังนั้นผมคิดว่าการแข่งขันรอบนี้สนุกแน่นอน

มด สุรเดช : ฝากถึงแฟนฟุตซอลชาวไทยหน่อยครับ ?

กัปตันช้าง : สำหรับแฟนๆ ฟุตซอลและคนไทยที่เอาใจช่วยพวกเราในการแข่งขันรอบเพลย์ออฟกับอิรัค ก็อยากจะขอบคุณทุกคนนะครับ และขอให้ร่วมให้กำลังใจในการแข่งขันฟุตซอลโลกรอบนี้ที่ลิธัวเนียด้วยนะครับ ผมและทุกคนในทีมจะทำให้เต็มที่ เพื่อประเทศไทยของเราครับ


เรื่องก่อนหน้านิชิโนะ ยิ้มแข้งช้างศึกฟิตเต็มถังพร้อมบู๊นครปฐม
เรื่องถัดไปนิชิโนะ เชื่อมั่นไทยมีโอกาสเข้ารอบสูง