10 โค้ชไทยลีก หวนคุมทีมเก่า

10 โค้ชไทยลีก หวนคุมทีมเก่า

การเปิดตัว  "ออเรลิโอ วิดมาร์" ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทีมแชมป์ไทยลีกฤดูกาลล่าสุด ถือเป็นการกลับมาคุมทัพ เดอะ แรบบิต ครั้งที่สองของกุนซือชาวออสซี่รายนี้ หลังจากเคยนั่งแท่นนายใหญ่ที่ลีโอ สเตเดี้ยม เมื่อปี 2016 -2017 มาแล้ว

การที่โค้ชสักคนจะกลับมาคุมทีมเก่าถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นให้เราได้เห็นเสมอในวงการฟุตบอลทั่วโลก สำหรับฟุตบอลไทยจะมีโค้ชคนไหนที่เคยกลับมาคุมทีมเก่าของตัวเองกันบ้าง ติดตามได้ใน Top 10 Football Thai กับ "10 โค้ชไทยลีก หวนคุมทีมเก่า" กันได้เลยครับ

สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ - บางกอกกล๊าส  เอฟซี (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด)

อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติไทยไปโกยเงินที่เอส ลีกทั้งในฐานะนักฟุตบอลและโค้ช ก่อนจะโบกมือลาสิงคโปร์กลับสู่เมืองไทยในปี 2009 เพื่อรับงานหัวหน้าผู้ฝึกสอน บางกอกกล๊าส ต่อจาก ฮานส์ อาร์ เอ็มเซอร์ กุนซือชาวเยอรมัน ซึ่งปีแรกบีจีจบอันดับที่ 3 ในลีกสูงสุดครั้งแรกของสโมสร โดยมีแต้มตามหลังแชมป์อย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด 9 คะแนน

ซีซั่นต่อมาด้วยการออกสตาร์ทเก็บได้ 14 คะแนนจาก 10 เกมแรก ทำให้เจ้าตัวลาออกเพื่อแสดงสปิริต  อย่างไรก็ตามจากการมีสัญญากับทีมอยู่ ทำให้เจ้าตัวยังคงอยู่ในสโมสรต่อไปในตำแหน่งผู้บริหาร ซึ่งในเวลาต่อมาก็ถูกสมาคมฟุตบอลดึงตัวไปเป็นมือขวาของ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทย

จนซีซั่น 2012 โค้ชง้วนกลับมาเป็นนายใหญ่ที่ ลีโอ สเตเดี้ยม อีกครั้ง โดยรับไม้ต่อจาก อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ซึ่งรอบนี้เจ้าตัวพกดีกรีโค้ช โปร ไลเซนส์ คนไทยคนแรกมาด้วย แต่สุดท้ายก็รับผิดชอบผลงานที่ไม่ได้ตามเป้าอีกครั้งในเดือนกันยายน ซึ่งไม่กี่วันต่อจากนั้นกลายเป็นทีมอย่างชัยนาทที่ซิวเขาไปคุมทัพต่อทันที ก่อนที่ปีถัดมาจะได้ควบงานคุมทีมชาติไทยชุดใหญ่ ลุยศึกเอเชี่ยน คัพ 2015 รอบคัดเลือก แทนที่วินนี่ที่โดนยกเลิกสัญญา

เดือนมิถุนายน 2014 โค้ชง้วนประกาศลาออกจากชัยนาทหลังเกมพ่ายให้กับแอร์ฟอร์ซ ทำให้เจ้าตัวหวนกลับมาอยู่ในทีมบริหารกับบีจีอีกครั้ง จนกระทั่งซีซั่น 2016 โค้ชจุ่น อนุรักษ์ โบกมือลาทีมหลังจบเลกแรก โค้ชง้วนเข้ามาขัดตาทัพเป็นเวลา 2 เดือน ก่อนกลายเป็น ออเรลิโอ วิดมาร์ เข้ามาสานงานต่อในเดือนสิงหาคม

กรกฎาคมปีต่อมา วิดมาร์ แยกทางกับบีจี งานเฮดโค้ชชั่วคราวก็ต้องมาถึงมือโค้ชง้วนอีกรอบ เขาลากยาวจนจบฤดูกาล ก่อนจะพาทีมจบอันดับ 5 ในไทยลีกปีนั้น และนั่นถือเป็นการนั่งแท่นกุนซือของทีมครั้งสุดท้ายของโค้ชง้วน ก่อนเจ้าตัวจะรับบทบาทผู้อำนวยการสโมสรมาจนถึงปัจจุบัน

อนุรักษ์ ศรีเกิด - บางกอกกล๊าส  เอฟซี (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด)

เขาเข้าสู่รังกระต่ายแก้วในปี 2012 หลังจากโชว์ผลงานการคุมทีมพัทลุง เอฟซี ได้อย่างยอดเยี่ยม จนเป็นโค้ชหนุ่มไฟแรงที่น่าจับตามอง โดยเริ่มต้นรับบทผู้ช่วยโค้ชง้วนควบการทำทีมพันธมิตรในลีกล่างอย่าง รังสิต เอฟซี ไปด้วย ก่อนที่ช่วงท้ายฤดูกาลนั้นจะถูก ภูเก็ต เอฟซี ขอตัวไปช่วยสถานการณ์หนีตายในลีกรอง ซึ่งโค้ชจุ่นก็ทำได้สำเร็จ

ซีซั่น 2013 ฟิล สตับบินส์ กุนซือชาวออสซี่คุมทัพนัดเปิดสนามแค่เกมเดียวก็โดนเด้งเนื่องจากแนวทางไม่ตรงกันกับสโมสร นั้นจึงถือเป็นครั้งแรกที่โค้ชจุ่นได้นั่งแท่นโค้ชใหญ่ของกระต่ายแก้ว แต่เขาทำหน้าที่ชั่วคราวแค่สองเดือนเศษ สโมสรก็ดึง “โค้ชแต๊ก” อรรถพล ปุษปาคม มาเป็นเฮดโค้ช ส่วนท้ายฤดูกาลนั้นโค้ชจุ่นก็ถูกส่งไปที่เชียงราย และโชว์ผลงานช่วยให้ทีมกว่างโซ้งเอาตัวรอดในลีกสูงสุดได้แบบสุดเซอร์ไพร์ส

1 ปีให้หลังโค้ชแต๊กประกาศลาออกเนื่องจากทำผลงานได้ไม่ตามเป้า โค้ชจุ่นจึงถูกขยับขึ้นมารับงานในฐานะโค้ชขัดตาทัพอีกครั้ง แต่รอบนี้เขาพา เดอะ แรบบิต ก้าวไปถึงแชมป์บอลถ้วยอย่าง เอฟเอ คัพ ได้อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งถือเป็นโทรฟี่เมเจอร์แรกของสโมสรอีกด้วย

การได้โควต้าไปเล่นฟุตบอลเอเชียจากแชมป์บอลถ้วย ทำให้ฤดูกาลถัดมาบีจีแต่งตั้ง ริคาร์โด โรดริเกวซ เข้ามาคุมทีม ส่วนโค้ชจุ่นขยับกลับไปเป็นผู้ช่วยสักพัก ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทย ชุดยู 19 และพาทีมคว้าแชมป์อาเซียน คัพ ที่ประเทศลาว แต่ด้วยผลงานของริคาร์โดไม่ดีอย่างที่ผู้บริหารหวัง โค้ชจุ่นจึงกลับมาคุมทัพบีจีอีกครั้งในช่วงปลายฤดูกาล 2015 ซึ่งเหลือโปรแกรมอีก 4 เกม

ฤดูกาล 2016 โค้ชจุ่นได้รับความไว้วางใจนั่งแท่นกุนซือใหญ่ต่อเนื่องจากปีก่อน และถือเป็นครั้งแรกที่ได้คุมทัพแบบเต็มตัวตั้งแต่ต้นซีซั่น แต่สุดท้ายเขาอยู่กับได้แค่เลกเดียวก็ขอยุติบทบาทกับทีมตามผลงานที่ไม่ได้อย่างที่คิด

ช่วงเวลานั้นถือเป็นการห่างหายจากการทำงานที่ ลีโอ สเตเดี้ยม นานที่สุดตั้งแต่เข้าไปรับงานที่บีจี หลังจากที่เขาหวนกลับไปรับงานคุมทัพช้างศึก ยู19 อีกรอบ ก่อนจะก้าวขึ้นไปเป็นนายใหญ่นำทัพ ขอนแก่น เอฟซี ในปี 2017 และพา เดอะ ทีเร็กซ์ ที่ตกลงไปเล่นใน ที3 คัมแบ็คกลับสู่ลีกรองได้สำเร็จ 

ซีซั่นถัดมาผลงานของขอนแก่นภายใต้การทำทีมของโค้ชจุ่นยังดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยการก้าวไปอยู่บนหัวตารางในที2  จนกระทั่งเดือนเมษายน 2018 บีจีตัดสินใจดึงเขากลับไปคุมทัพอีกครั้ง หลังจากผลงานของทีมในยุคของ โจเซฟ เฟร์เร่ กำลังระส่ำ ทำให้โค้ชจุ่นได้กลับมาคุมทีมดังแห่งเมืองปทุมเป็นครั้งที่ 4 

แต่รอบนี้โค้ชจุ่นและสาวกบีจีต้องเจอฝันร้าย เมื่อจบฤดูกาลพวกเขากลายเป็นทีมที่ตกชั้นจากลีกสูงสุด แถมปิดท้ายด้วยการพ่ายแพ้ในเกมนัดชิงชนะเลิศโตโยต้า ลีก คัพให้กับเชียงราย กลายเป็นซีซั่นสุดช็อคในประวัติศาสตร์ของสโมสร และโค้ชจุ่นแยกทางกับบีจีหลังจากจบซีซั่นเพื่อรับผิดชอบผลงาน 

ปีถัดมาเขาไปรับงานคุมทีมอยุธยา ยูไนเต็ด ในไทยลีก2 ก่อนจะก้าวขึ้นไปเป็นผู้ช่วยของ อากิระ นิชิโนะ กุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ในปัจจุบัน

โบซิดาร์ บันโดวิช - บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ก้าวแรกของบันโดวิชในวงการฟุตบอลเมืองไทยคือการได้รับการแต่งตั้งจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร เพื่อเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ที่กำลังย่ำแย่ภายใต้การคุมทีมของ อเลฮานโดร เมเนนเดส  ที่ออกสตาร์ทในฤดูกาล 2014 ได้อย่างกระท่อนกระแท่นทั้งในลีกและถ้วยเอเชีย

สุดท้ายบันโดวิชคือคนที่ถูกวางให้มาแทนที่กุนซือสแปนิชในที่สุด อย่างไรก็ตามเขาคุมทีมได้เพียงแค่สองเดือน ก็ต้องหลีกทางให้ อเล็กซานเดร กามา ทั้งที่มีผลงานที่ยอดเยี่ยมพาทีมขยับจากอันดับ 12 ขึ้นมารั้งที่ 4 ในลีก โดยแพ้แค่เกมเดียวจาก 13 นัดทุกรายการ 

ซีซั่น 2015 บันโดวิชได้รับการแต่งตั้งเป็นเฮดโค้ช บีอีซี เทโรศาสน แทนที่ของ โจเซ บอร์จีส กุนซือที่เพิ่งคว้าแชมป์ลีกคัพ ซึ่งเป็นโทรฟี่แรกในรอบ 12 ปีของทีม แต่บันโดวิชไม่สามารถสานต่อความสำเร็จของทีมมังกรไฟอย่างที่หลายคนคาดหวัง เขาแยกทางกับเทโรหลังจากคุมทีมไปเพียงแค่ 10 เกมเท่านั้น 

ปี 2016 เขาเข้ารับงานในแดนอีสานอีกครั้งกับ ศรีสะเกษ แต่ทั้งสองฝ่ายจบกันไม่ดีมีการฟ้องร้องกันส่งท้าย ก่อนที่บันโดวิชจะกลับมานั่งเก้าอี้ประธานเทคนิคของบุรีรัมย์อีกรอบในยุคที่ รันโก โพโพวิช เป็นกุนซือ

ช่วงกลางปี 2017 โพโพวิช เจอปัญหาใหญ่เมื่อถูกสมาคมฟุตบอลแบน 3 เดือนจากการทำร้ายร่างกายทีมงานของแบงค็อก ยูไนเต็ด และเมื่อการอุทธรณ์ไม่ผ่าน “โปโป้” จึงขอลาออกจากตำแหน่ง ทำให้บันโดวิชกลายเป็นกุนซือคนแรกที่ได้หวนกลับมานั่งแท่นกุนซือใหญ่ของทีมบุรีรัมย์เป็นคำรบที่สอง

การคัมแบ็คของ “บอสโก้” รอบนี้มาพร้อมกับความสำเร็จ หลังจากคว้าแชมป์ไทยลีกได้สองสมัยติดต่อกันในปี 2017 และ 2018 แต่ในปีถัดมาพวกเขาเสียแชมป์ลีกให้กับเชียงราย อย่างไรก็ตามบันโดวิชยังได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารให้คุมทัพเพื่อทวงความยิ่งใหญ่กับสโมสรต่อไป 

ที่สุดแล้วในซีซั่น 2020/21 บันโดวิชเก็บได้เพียง 10 แต้มจาก 8 เกมแรกของฤดูกาล จนต้องลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้ กามา กลับเข้ามากู้วิกฤตบุรีรัมย์อีกครั้ง

อเล็กซานเดร กามา - บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

กุนซือบราซิลเลี่ยนพกโปรไฟล์หรูมาเมืองไทยครั้งแรกในเดือนมิถุนายน ปี 2014 โดยเข้ามารับงานที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แทนที่ บันโดวิช แต่กามามีโอกาสพิสูจน์ฝีมือแค่เลกเดียว เพราะได้รับสัญญาเพียง 6 เดือน ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ผลงานเป็นเครื่องชี้วัดว่าจะได้ไปต่อหรือไม่

สุดท้ายฤดูกาลนั้นเขาพาบุรีรัมย์จบด้วยการเป็นแชมป์ไทยลีก และกลายเป็นจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ที่เฮดโค้ชคนนี้สร้างให้กับยอดทีมแดนอีสาน ซึ่ง 2 ปีที่ในถิ่น ช้าง อารีน่า กามากวาดแชมป์ทุกรายการบนแผ่นดินไทยรวม 8 โทรฟี่ โดยมีผลงานอันยอดเยี่ยมในปี 2015 ทั้งการเป็นแชมป์ลีกแบบไร้พ่าย และได้แชมป์ 5 รายการในปีเดียว ซึ่งถือเป็นทีมแรกของเอเชียที่ทำได้ 

แต่กามาโดนบุรีรัมย์ปลดฟ้าผ่าแบบช็อคทั้งวงการ หลังจากจบเกมที่บุกไปชนะบางกอกล๊าส เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี2016 โดยนายใหญ่อย่าง เนวิน ชิดชอบ ให้เหตุผลแค่ว่าทีมต้องการความเปลี่ยนแปลง 

จากนั้นเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน เชียงราย ยูไนเต็ด เพื่อสู้ศึกฤดูกาล 2017 ซึ่งนั้นคือยุคของกว่างทองคำ ที่มีงบประมาณมหาศาลในการทุ่มดึงแข้งดังเข้ามาล้นทีม สุดท้ายกามาเสกความสำเร็จคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยอย่าง เอฟเอ คัพ 2 สมัย ลีก คัพ 1 สมัย และ ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ 1 สมัย รวม 4 โทรฟี่ในสองฤดูกาลที่คุมทัพทีมเหนือสุดของประเทศ

2 ปีประวัติศาสตร์ของเขากับเชียงรายต้องสิ้นสุดลง เจ้าตัวหมดสัญญากับทีมหลังคว้า 3 ถ้วยในปี 2018 สถานีต่อไปของ กามา คือการเข้ารับตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี โดยมีทัวร์นาเม้นต์ชิงแชมป์เอเชีย ที่มีตั๋ว โอลิมปิค เกมส์ 2020 เป็นเป้าหมายหลัก

อย่างไรก็ตามสิ่งที่แฟนบอลไทยวาดฝันเอาไว้กับยอดโค้ชคนนี้ก็สลายไปในระยะเวลาแค่ 7 เดือน เมื่อกามายื่นใบลาออกกับสมาคมฟุตบอลไทย หลังทำทีมไปเพียง 3 รายการคือ ชิงแชมป์อาเซียน , ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก และ เมอร์ไลออน คัพ ซึ่งทุกรายการจบด้วยการเป็นพระรองทั้งหมด 

หลังโบกมือลาทีมช้างศึกในปลายเดือนพฤษภาคม 2019 ราว 3 สัปดาห์ให้หลัง กามา เปิดตัวเป็นกุนซือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ตามข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านั้น แต่สุดท้ายในเดือนตุลาคม 2020 เขาไขก๊อกลากิเลนผยองหลังจบเกมพ่ายตราดคาบ้าน ซึ่งถือเป็นสโมสรแรกที่เจ้าตัวไม่สามารถซิวโทรฟี่มาครองได้ในการทำทีมเมืองไทย

แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น กามา กลับเข้ามารับตำแหน่งกุนซือบุรีรัมย์อีกครั้งแบบสุดเซอร์ไพรส์ ซึ่งเป็นอีกครั้งที่เขาเข้ามาแทนที่ของ บันโดวิช หลังจากที่ปราสาทสายฟ้าออกสตาร์ทฤดูกาล 2020/21 ได้อย่างน่าผิดหวัง สุดท้ายการคัมแบ็คครั้งนี้ของเขาก็พาต้นสังกัดเก่าโกยแต้มเป็นกอบเป็นกำ จากทีมกลางตารางมาจบรองแชมป์ลีก คว้าตั๋วถ้วยเอเชีย รอบคัดเลือกได้สำเร็จ

เรเน่ เดอซาเยียร์  - เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

โค้ชชาวเบลเยี่ยมมากประสบการณ์รายนี้ถือเป็นกุนซือต่างชาติคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสรของเมืองทอง เข้ามารับงานในซีซั่น 2010 ซึ่งเขาก็สานต่อความสำเร็จได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีกได้ตามเป้า ซึ่งถือเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่สองติดต่อกันของทีมกิเลนผยอง พร้อมทั้งพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศศึกเอเอฟซี คัพและได้รองแชมป์ เอฟเอ โดยเจ้าตัวคว้ารางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีของไทยลีกในปีนั้นได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตามซีซั่นต่อมาเมืองทองคว้า เอ็นริเก้ คาลิสโต้ มาคุมทัพ เรเน่ จึงโยกไปรับงานในลีกรองอย่าง เชียงใหม่ และ สุพรรณบุรี แต่ผลงานไม่ตอบโจทย์ จึงบินกลับไปเป็นหัวหน้าแมวมองในทีมบ้านเกิด ก่อนคัมแบ็คสู่ไทยลีกอีกครั้งในซีซั่น 2013 ด้วยฐานะเฮดโค้ช บีอีซี เทโรศาสน แต่จากนั้นไม่ถึง 3 เดือนก็ถูกปลด

เขาว่างงานได้เดือนเดียว ก็กลับสู่รังกิเลนเป็นครั้งที่สอง แทนที่ของ วินฟรีด เชเฟอร์ ที่โยกไปรับงานคุมทีมชาติจาไมก้าอย่างกระทันหัน การกลับมาครั้งนี้เรเน่พาทีมจบด้วยอันดับ2 ของลีก ตามหลังแชมป์อย่างบุรีรัมย์ 7 คะแนน แต่หลังจบภารกิจในปีนั้นทั้งสองฝ่ายก็แยกย้ายกันอีกครั้ง

ต่อจากนั้น เรเน่ ไปคุม ยาดานาร์บอน ในลีกเมียนมา พาทีมได้แชมป์ลีก รวมถึงการตีตั๋วไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ในรอบคัดเลือกอีกด้วย ก่อนในปี 2018 เข้าจะกลับมาร่วมงานกับ โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ อีกครั้งที่ ราชบุรี มิตรผล แต่เจ้าตัวคุมทัพเพียงแค่ 2 เกม รวมเป็นเวลา 19 วันเท่านั้นก็ถูกปลด

หลังจากแยกทางกับราชันมังกรมีกระแสข่าวว่า เรเน่ มีโอกาสที่จะกลับไปคุมเมืองทองเป็นครั้งที่ 3 แต่สุดท้ายก็ไม่มีดีลใดๆ เกิดขึ้น ล่าสุดกุนซือวัย 73 ปียังว่างงานอยู่ในตอนนี้ 

ธชตวัน ศรีปาน - บีอีซี เทโรศาสน (โปลิศ เทโร )

โอกาสในการรับหน้าที่เฮดโค้ชครั้งแรกของอดีตมิดฟิลด์ทีมชาติไทยคือการที่ บีอีซี เทโรศาสน ประกาศปลด คริสตอฟ ลาร์รูห์ กุนซือชาวฝรั่งเศส หลังไม่สามารถพาทีมจบท็อปโฟร์ในเลกแรกของไทยลีก 2009 ได้ตามเป้าที่วางเอาไว้

ไบรอัน แอล. มาร์คา ประธานสโมสรมังกรไฟจึงตัดสินใจ ดัน ตะวัน (ธชตวัน ในปัจจุบัน) ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้เล่นและผู้ช่วยในทีมก่อนหน้านั้น ขึ้นมาเป็นหัวเรือใหญ่แทนที่ โดยปีแรกในการคุมทัพโค้ชแบนพาทีมจบอันดับ 4 ในลีก และเข้าชิงเอฟเอ คัพ แต่พ่ายในการดวลจุดโทษการท่าเรือ ได้เพียงแค่รองแชมป์อย่างน่าเสียดาย 

ในปีต่อมาเขาแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการและรับงานกุนซือแบบเต็มตัว แต่ผลงานในเลกแรกของเทโรไม่ดีอย่างที่คิด ทำให้โค้ชแบนประกาศลาออกจากตำแหน่งกุนซือในที่สุด

จากนั้นเขาออกไปผจญภัยตามเส้นทางลูกหนังอย่างโชกโชน ตั้งแต่การใช้เวลา 4ปี พาทีมบ้านเกิดอย่าง สระบุรี เลื่อนชั้นจากลีกภูมิภาคขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ต่อด้วยนำ เพื่อนตำรวจ ซิวแชมป์ดิวิชั่น 1 (ไทยลีก2 ปัจจุบัน) รวมถึงคว้าแชมป์ไทยลีกและลีกคัพกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้อย่างยิ่งใหญ่

จนกระทั่งเดือนกรกฏาคมปี 2018  โค้ชแบนกลับสู่การคุมทัพทีมแรกในชีวิตโค้ชอาชีพอีกครั้ง โดยในรอบนี้ภายใต้ชื่อ โปลิศ เทโร ที่สถานการณ์ในตอนนั้นอยู่ในโซนหนีตกชั้น เขาจึงถูกดึงเข้าไปช่วยกู้วิกฤตร่วมกับรุ่นน้องอย่าง รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค สุดท้ายหลังจากทำทีมได้ไม่ถึง 3 เดือน เขาตัดสินใจโบกมือลาเพื่อรับผิดชอบผลงานที่ชนะได้เพียง 2 เกมจาก 9 เกมลีกที่เจ้าตัวคุมทีมข้างสนาม ซึ่งบทสรุปของมังกรโล่ห์เงินในปีนั้นคือการตกชั้นจากลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

จากนั้นโค้ชแบนเข้าไปรับงานที่สุพรรณบุรี ก่อนจะถูก อากิระ นิชิโนะ เลือกให้เป็นผู้ช่วยในทีมชาติไทย และล่าสุดนั่งแท่นกุนซือ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

สมชาย ชวยบุญชุม - สมุทรสงคราม เอฟซี

หากจะพูดถึงทีมดังจากแม่กลอง นอกจากภาพของปลาทูกับกลองในโลโก้สโมสรแล้ว "น้าฉ่วย" ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของทีมที่แฟนบอลคุ้นชิน เพราะนอกจากจะเป็นคนสมุทรสงครามโดยกำเนิดแล้ว ชายคนนี้คือคนที่สร้างสโมสรฟุตบอลจังหวัดเล็กๆ ทีมนี้ให้คนลูกหนังทั่วประเทศได้รู้จักอีกด้วย

การก้าวจากโปรลีก สู่ดิวิชั่น1 ก่อนจะสร้างประวัติศาสตร์เล่นลีกสูงสุดครั้งแรกในปี 2008 น้าฉ่วยคือส่วนสำคัญกับทุกย่างก้าวของสโมสรแห่งนี้อย่างแท้จริง ซึ่งแม้จะเป็นทีมที่มีเงินทุนไม่เยอะ ไร้นักเตะซุปเปอร์สตาร์ แต่ด้วยกึ๋นของกุนซือรายนี้ ก็ช่วยให้ปลาทูคะนองเอาตัวรอดจากทีมเสือ สิงห์ กระทิง แรดในไทยลีกมาได้ตลอด

แม้จะมีช่วงโบกมือลาไปคุมทีมอย่าง จันทบุรี  ทีมชาติไทยชุดยู19 ราชนาวี และ ทีทีเอ็ม เชียงใหม่ สุดท้ายเขาก็กลับมารังเก่าอีกครั้งในฤดูกาล 2012 ซึ่งเข้ามากอบกู้สถานการณ์จากท้ายตารางขึ้นมาจบอันดับ 7 ซึ่งถือเป็นสถิติดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรบนลีกสูงสุดอีกด้วย

การประคับประคองทีมรักมาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อปัจจัยทั้งในและนอกสนามเต็มไปด้วยปัญหา มีนาคม2014 น้าฉ่วยประกาศลาออกจากตำแหน่งเฮดโค้ชหลังออกสตาร์ท 6 เกมแรกของซีซั่นแบบไร้ชัยชนะ ปิดฉากการทำงานอันยาวนานกับสโมสรสมุทรสงครามแบบตอนจบไม่สวยงามเหมือนในนิยาย สุดท้ายซีซั่นนั้นปลาทูคะนองก็ตกชั้น และยังไม่สามารถก้าวขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดได้อีกเลยจนถึงทุกวันนี้

ชีวิตโค้ชอาชีพของเขายังเดินหน้าต่อไปทั้งการทำทีม เชียงใหม่ เอฟซี การท่าเรือ สุโขทัย ราชนาวี ศรีสะเกษ และล่าสุดกับการพาหนองบัว พิชญ ก้าวขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกด้วยการคว้าแชมป์ไทยลีก2 ซึ่งถือเป็นโทรฟี่แรกในชีวิตการคุมทีมของกุนซือวัย 67 ปี รายนี้ด้วย แต่สุดท้ายพญาไก่ชนตัดสินแยกทางกับน้าฉ่วย และแต่งตั้ง โค้ชวัง ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เข้ามารับงานลุยไทยลีก1 แทน

จเด็จ มีลาภ - ชลบุรี เอฟซี

เขาสร้างชื่อในวงการลูกหนังนักเรียนด้วยการเป็นหัวเรือใหญ่ของทีมงานโค้ชที่ อัสสัมชัญ ศรีราชา จนกระทั่งก้าวขึ้นมาคุมทัพ ชลบุรี เอฟซี และสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมจังหวัดทีมแรกของเมืองไทยที่คว้าแชมป์ไทยลีกในปี 2007  ซึ่งกลายเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกและครั้งเดียวของทีมฉลามชลมาถึงทุกวันนี้

จากนั้นได้ออกไปหาประสบการณ์กับสโมสรอย่างลูกอีสาน-การบินไทยและพัทยา ยูไนเต็ด ก่อนจะกลับมาที่ชลบุรีอีกครั้งในปี 2010 ซึ่งปีนั้น "เซอร์เด็จ" พาทีมซิวแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองได้ และนั้นคือโทรฟี่เมเจอร์ใบสุดท้ายที่ทีมดังจากท้องทะเลตะวันออกได้มาครอง

ชีพจรลงเท้าเขาอีกครั้ง เมื่อออกไปเก็บเลเวลงานโค้ชทั้งการลงใต้ไปคุมทัพ วัวชน ยูไนเต็ด และ สงขลา ยูไนเต็ด กลับไปอยู่กับทีมโลมามหาภัยอีกรอบ รวมถึงการกุมบังเหียน ชัยนาท ฮอร์นบิล 

กระทั่งปี 2015 จเด็จก็ได้โอกาสกลับสู่ถิ่นฉลามชล แต่การนั่งแท่นกุนซือหนที่ 3 ไม่ได้สวยงามเหมือนกับสองครั้งแรก หลังจากการจบฤดูกาลด้วยมือเปล่า โดยเข้าป้ายในลีกด้วยอันดับที่ 4 ของตาราง ส่งผลให้เจ้าตัวขอประกาศลาออกทันที

หลังจากนั้นของเซอร์เด็จไปอยู่คุมทัพ พีทีที ระยอง ในลีกรองอยู่ครึ่งเลก ก่อนจะพาการท่าเรือในยุคมาดามแป้งที่ตกชั้นขยับเลื่อนกลับมาสู่ลีกสูงสุดในปี 2016 อยู่โยงกับสิงห์เจ้าท่าทั้งในตำแหน่งเฮดโค้ชและประธานเทคนิครวม 5 ปี และล่าสุดกุนซือดีกรี โปร ไลเซนส์ คนนี้ รับงานคุมทัพ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด พร้อมพาทีมตีตั๋วขึ้นมาเล่นในไทยลีก 2 ฤดูกาล 20/21 ได้สำเร็จ


ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก - โอสถสภา + สุโขทัย เอฟซี

ครึ่งชีวิตลูกหนังของเขาอยู่กับต้นสังกัดอย่าง โอสถสภา ทั้งในฐานะนักเตะ ผู้ช่วยโค้ช และเฮดโค้ช ก่อนจะโบกมือลาทีมพลังเอ็มในปี 2013 จากนั้นจึงออกผจญภัยสู่โลกกว้าง รับงานเป็นมือขวาทีมชาติไทยชุดใหญ่ เฮดโค้ชช้างศึกชุดเล็ก ขยับลงไปคุมลีกรองกับ บางกอก เอฟซี และรับงานสุดหิน พา สระบุรี เอฟซี หนีตายในลีกสูงสุดได้แบบสุดปาฏิหารย์

จนกระทั่งเมษายน ปี 2016 เขากลับสู่สโมสรอู่ข้าวอู่น้ำอีกครั้ง รอบนี้ในนาม โอสถสภา สมุทรปราการ หลังจาก สมชาย ทรัพย์เพิ่ม ลาออก สุดท้ายโค้ชเบ๊ช่วยกู้สถานการณ์ทีมให้อยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุดได้สำเร็จ

จากการผลงานสองสโมสรล่าสุดนี่เอง ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นกุนซือที่ช่ำชองพาทีมหนีตาย หลังแยกทางกับ บีบีซียูในช่วงต้นซีซั่น 2017 กลายเป็น สุโขทัย ที่กำลังเจอ "second season syndrome" เล่นงาน ดึงตัวเขาไปช่วยทีม และโค้ชเบ๊ร่ายมนต์พาทีมหนีพ้นโซนแดงได้ตั้งแต่เลกแรก สุดท้ายสุโขทัยอยู่รอดได้แบบชิลๆ พร้อมกับได้รับความไว้วางใจให้คุมทัพต่อ แต่ในฤดูกาลถัดมาเจ้าตัวประกาศลาออกหลังเกมที่บุกไปแพ้เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากสถานการณ์ของทีมในตอนนั้นห่างจากโซนตกชั้นเพียงแค่ 1 คะแนน

แต่เขาตกงานได้แค่เดือนเดียว ก็เข้าไปช่วย สุพรรณบุรี ที่กำลังร่อแร่ในตารางคะแนน สุดท้ายนี่คือทีมที่ 4 ที่โค้ชเบ๊พาหนีตายได้สำเร็จ จนกระทั่งในซีซั่น 2019 โอกาสคุมทีมใหญ่ก็มาถึง เมื่อเมืองทองดึงตัวไปคุมทัพ แต่ก็ทำทีมในลีกได้เพียงแค่ 5 นัด เขาก็ลาออกเพราะผลงานไม่เป็นไปตามเป้า

สุดท้ายในเดือนสิงหาคมปีนั้น โค้ชเบ๊ได้หวนกลับมาถิ่นทะเลหลวงอีกครั้ง แทนที่ ลูโบเมียร์ ริสตอฟสกี ที่ลาออก แม้รอบนี้จะหนักหน่วงจนต้องลุ้นจนถึงเกมสุดท้าย แต่โค้ชร่างบางรายนี้ก็พาค้างคาวไฟหนีตกชั้นได้สำเร็จ และกลายเป็นสโมสรที่ 5 ที่เขาพาอยู่รอดในลีกสูงสุด

ปัจจุบันโค้ชเบ๊ได้รับการแต่งตั้งนั่งแท่นเป็นเฮดโค้ช เชียงใหม่ เอฟซี สู้ศึกไทยลีก2 ซีซั่น 20/21 โดยมีเป้าหมายหลักคือการล่าตั๋วเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก1 ให้ได้

อเดบาโย่ กาเดโบ - สุพรรณบุรี เอฟซี

1997 คือปีแรกที่อเดบาโย่มาอยู่เมืองไทย เขาสร้างชื่อในตำแหน่งกองหลังคนสำคัญที่พา บีอีซี เทโรศาสน ก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลไทยยุคนั้น ก่อนจะมาเริ่มจับงานโค้ชในปี 2009 โดยเป็นหนึ่งในทีมงานการท่าเรือของ "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ รวมถึงการทำงานที่ราชประชาในปี 2011 

อเดบาโย่ เข้ามาสู่ทีมสุพรรณบุรีในปี 2013 ในฐานะประธานเทคนิค ก่อนจะขยับขึ้นมาทำหน้าที่กุนซือขัดตาทัพหลังจาก มาโน่ โพลกิ้ง แยกทางกับทีมในเดือนพฤษภาคม 2014 แต่ก็คุมทีมในระยะเวลาสั้นๆ ก็กลับไปทำหน้าที่เดิมอีกครั้ง เมื่อ เวลิซาร์ โปปอฟ เข้ามาเป็นกุนซือใหม่ของทีม

ซีซั่นต่อมา แซร์โจ้ ฟารีอาส กุนซือบราซิลประกาศลาออกในช่วงเดือนสิงหาคม อเดบาโย่ได้รับมอบหมายจากบอร์ดบริหารให้สานงานต่ออีกครั้งโดยรอบนี้ได้ทำงานร่วมกับ "โค้ชโย่ง" วรวุธ ศรีมะฆะ บทสรุปคือทีมจบด้วยอันดับ 3 เป็นผลงานที่ดีที่สุดที่สุพรรณบุรีเคยทำได้ในลีกสูงสุด

หลังจากเป็นกุนซือชั่วคราวในยามที่ทีมคับขันมาโดยตลอด โอกาสที่จะได้เป็นเฮดโค้ชเต็มตัวก็มาถึง เมื่อโค้ชโย่งโยกไปคุมทีมชาติไทย ชุดยู23 ทำให้โค้ชชาวไนจีเรียคนนี้ก้าวขึ้นมาคุมทีมในช่วงกลางปี2017 ซึ่งผลงานในปีแรกของเขาคือพาทีมจบด้วยอันดับที่ 11 ทำให้อเดก็ได้รับโอกาสจากผู้บริหารทีมให้ลุยงานต่อในฤดูกาลถัดไป

ซีซั่น 2018 แม้จะออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม แต่หลังผ่านเกมที่ 20 ของฤดูกาล อเดบาโย่ตัดสินใจลาออกเพื่อรับผิดชอบผลงานที่ไม่ชนะใคร 6 เกมติดต่อกัน เปิดทางให้ "โค้ชเบ๊" เข้ามากู้วิกฤต ส่วนเจ้าตัวก็กลับไปนั่งตำแหน่งผู้บริหารเหมือนเดิม

ต่อมาสุพรรณบุรีดึงโค้ชแบน มารับงานเป็นเฮดโค้ชในปี 2018 แต่ผลงานกลับไม่เป็นอย่างหวัง โดยหลังจบเกมที่พ่ายราชบุรี อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติไทยขอลาออก จึงเป็นโอกาสของอเดบาโย่หวนกลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง แต่กลายเป็นว่าซีซั่นนั้นสุพรรณคือทีมที่ต้องตกชั้น อย่างไรก็ตามพวกเขายังโชคดีที่ได้สิทธิ์เล่นในลีกสูงสุดต่อหลังจาก พีทีที ระยอง ประกาศยุบทีม

อเดยังได้รับความวางใจนั่งแท่นกุนซือใหญ่ของทีมต่อเพื่อสู้ศึกไทยลีก 20/21 แม้ผลงานจะกระท่อนกระแท่นตลอดทั้งซีซั่น จนต้องมาลุ้นหนีตายในเกมสุดท้าย แต่จากประตูชัยของ เลอันโดร อัสซัมเซา ทำให้สุพรรณบุรีอยู่รอดอย่างเฉียดฉิว ถือเป็นผลงานที่กุนซือผิวสีรายนี้ตอบแทนให้กับสโมสรที่ยังให้โอกาสเขามาโดยตลอด


เรื่องก่อนหน้านิชิโนะ ยิ้มแข้งช้างศึกฟิตเต็มถังพร้อมบู๊นครปฐม
เรื่องถัดไปช้างศึกไม่พบเชื้อพร้อมลุยอินโดนีเซีย